Identify proposes Outdoor RFID label for metal tracking application

Tracking metal can be done with minimum investment, it is unnecessary to use on-metal hard tag or on-metal RFID label which deliver high investment. Identify has proposed Outdoor RFID flag Label. This RFID label can be used outdoor and deliver good reading distance even applying on metal surface. Besides those highlighted features, it also support printing with any RFID printer. The key features of this RFID labels are:

PhysicalDimension100 x 150 x 0.2 mm
Mounting  methodIndustry Adhesive
Housing materialPET
InterfaceFrequencyUHF
StandardEPC C1G2
Environment Temperature-40C to 85C
Peak temp-100C for 1 hour +80C for  100 hours
Chemical resistance168 h – salt water (salinity 10%) 168h – motor oil 12 h – NaOH (10%) 24 h –  Sulfuric acid (10%) 30 mins – Acetone
RFID Outdoor Label

Access Control + HR On Cloud

Description

Although access control system is widely used in many organizations, there are limited organizations utilizing the information from access control for human resource purpose.  Many companies still use manual system for human resource functions such as checking time attendance, pay roll calculation or etc.   

Identify has made full of our access control system extending our access control system to human resource management.  When the readers are connected to the internet, they become an extension of our system.  Once the access control reader captures the data from the staff, our system will automatically calculate pay roll and other human resource operation without human intervention.

How it works

Our short range reader is connected to the cloud server where our software is installed.  When the staff have their cards read by the reader, firstly our reader will do the basic access control function which is access authorization.  After reading his data, his time stamp will be automatically generated and sent to our cloud server.  At the end of the month, our system will calculate the pay roll for individual staff by basing the time stamp from the access control reader.  Besides the pay roll system, our system also supports job shift assignment. Staff job shift is also linked with our reader.  Combining the scanning time and his job shift schedule, the time attendance and pay roll for individual can be calculated automatically.

Apart from salary calculation, our system also supports HR training and staff performance evaluation.

Benefits

  • Reduce manual operation
  • Reduce workload on HR staff

Applications:

  • Human resource

กรณีศึกษาการนำเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID Technology) ในธุรกิจเช่าอุปกรณ์

บริษัท Rentex ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเช่าอุปกรณ์เครื่องเสียง และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ได้นำเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID Technology)  มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน  จากเดิมที่ทางบริษัทฯใช้ระบบบาร์โค้ด  โดยระบบเดิมนั้นเมื่อทางบริษัทฯ มีการนำอุปกรณ์เข้าหรือออกจากคลังสินค้า  เจ้าหน้าที่ต้องทำการหาสินค้า  และทำการอ่านบาร์โค้ดของอุปกรณ์ทีละชิ้น  ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานที่เสียเวลาค่อนข้างมาก  บริษัท Rentex  มีเครื่องเสียงและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้เช่ามากกว่าหนึ่งแสนชิ้น  และมีสาขามากกว่า 10 สาขา  ถึงแม้ว่ากระบวนการทำงานลักษณะดังกล่าว จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที  แต่หากพิจารณาถึงปริมาณอุปกรณ์ที่ทางบริษัทมีอยู่   การทำงานในลักษณะดังกล่าวทำให้บริษัทเสียเวลาไปหลายชั่วโมง   เพื่อให้การทำงานดังกล่าวมีประสิทธิภาพทางบริษัทจึงได้นำเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID Technology) มาช่วยในการจัดการงานดังกล่าว

ในการใช้งานระบบอาร์เอฟไอดี (RFID Technology)  สำหรับบริษัท Rentex  ปัจจัยที่จำเป็นต้องพิจารณาได้แก่  (1) อาร์เอฟไอดีแท๊ก  (RFID Tag) ที่ใช้ติดบนชิ้นงาน  (2) เครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี (RFID Reader) (3) ระบบซอฟท์แวร์ที่สามารถรับข้อมูล  และทำการประมวลผลข้อมูลที่อ่านได้ อาร์เอฟไอดีแท๊ก (RFID Tag) ที่ทางบริษัทเลือกใช้นประเภทนี้ จะเป็นอาร์เอฟไอดีแท็ก (RFID Tag) ที่มีการออกแบบสำหรับการใช้งานที่เป็นแบบ Heavy Duty มีความคงทนสูง  และสามารถที่จะทำงานบนพื้นผิวที่เป็นโลหะได้   เนื่องจากชิ้นงานที่จะไปติดนั้น เช่น สายไฟ หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์  มีการใช้งานกลางแจ้ง  ทำให้ต้องทนความร้อน  และทนความชื้นได้   ในส่วนของเครื่องอ่านก็จะเป็นลักษณะเครื่องอ่านแบบมือถือ (Mobile RFID Reader)  เพื่อให้ผู้ใช้งานถืออุปกรณ์ดังกล่าว

ในเดือนธันวาคม 2020 บริษัท Rentex  ได้ทำการติดตั้งระบบอาร์เอฟไอดีทั้งหมด  10 สาขา  และทำการติดอาร์เอฟไอดีแท๊ก (RFID Tag) ที่อุปกรณ์ทั้งหมดจำนวน 200,000 ชิ้น หลังจากที่มีการใช้งานระบบดังกล่าว  ทางบริษัท Rentex พบว่า  สามารถลดเวลาการทำงาน จากปกติใช้เวลา 2.5 ชั่วโมงต่อคนทำงาน 2 คน  เหลือเพียง 15 นาทีต่อคนทำงานเพียงหนึ่งคน  ซึ่งหมายความว่า  ลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและเวลาไป 95%  นอกเหนือจากการลดเวลาการจดบันทึกชิ้นงานเข้าออกแล้ว   การทำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้งานยังช่วยลดขั้นตอนการทำงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย  เช่น  การที่ต้องให้เจ้าหน้าที่มาเสียเวลาในการเปิดกล่องทีละกล่อง  เพื่อทำการสแกนอุปกรณ์  เป็นต้น  เครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีสามารถที่จะอ่านชิ้นงานที่บรรจุอยู่ในกล่องได้โดยไม่ต้องทำการเปิดกล่องทีละกล่อง   เมื่อทางบริษัท ฯ ทำให้งานหลายส่วนเป็นอัตโนมัติเพิ่มมากขึ้น  ทำให้เจ้าหน้าที่ของทางบริษัทสามารถไปทำงานอื่นได้  เช่น  ปรับปรุงการวางแผนการใช้อุปกรณ์  รวมถึงการปรับปรุงการบริการลูกค้า เป็นต้น

Source: HID Case Study, How Rentex Used RFID to Streamline Rental Asset Management           

ความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยี RTLS และ RFID

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีในการติดตามหรือค้นหาสิ่งต่าง ๆ เช่น บุคคล หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ สองเทคโนโลยีที่มีการกล่าวถึงเป็นประจำคือ  RTLS (Real Time Location Tracking) และ RFID (Radio Frequency Identification) และในหลายครั้งที่มีกล่าวถึงเทคโนโลยีทั้งสองสลับกัน  เนื่องจากเทคโนโลยีทั้งสองมีการใช้ในการติดตามหรือระบุตัวตนของสิ่งต่าง ๆ เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีทั้งสองก็มีความแตกต่างกันในหลายประการ

เทคโนโลยี RTLS เป็นการนำเทคโนโลยี Bluetooth, Ultra-wideband (UWB), หรือ Zigbee มาใช้ในการติดตาม  โดยวัตถุหรือสิ่งของที่จะติดตามต้อง Tag, iBeacon หรืออุปกรณ์ใดใด เช่น โทรศัพท์มือถือที่มี Bluetooth เป็นต้น โดย Tag ดังกล่าวจะส่งข้อมูลไปที่เครื่องรับ นอกจากนั้นในพื้นที่ที่ต้องการติดตามก็มีการติดเครื่องรับเพื่อรับสัญญาณจาก Tag ซึ่งอาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป  เช่น Anchor, Receiver เป็นต้น  นอกเหนือจากองค์ประกอบสองส่วนข้างต้น  ก็จะมีส่วนของซอฟท์แวร์ในการประมวลผลเพื่อระบุตำแหน่ง    ทันทีที่ Tag ส่งค่าไปที่เครื่องรับ  ซอฟท์แวร์ที่ต่อกับเครื่องรับจะทำการคำนวนค่าที่ได้รับ  และระบุตำแหน่งของ Tag  โดยปกติซอฟท์แวร์จะไปเชื่อมต่อกับแผนที่ของบริเวณที่ต้องการติดตาม  เพื่อที่จะให้สามารถแปลผลได้ว่า  Tag ดังกล่าว  อยู่ส่วนไหนของแผนที่  เช่นห้องประชุม หรือห้องอาหารเป็นต้น  เทคโนโลยีดังกล่าวตำแหน่งของวัตถุดังกล่าวจะคำนวนด้วยซอฟท์แวร์

ในส่วนของเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID)  ก็จะมีอุปกรณ์ที่ใกล้เคียงกัน  คือวัตถุหรือสิ่งของที่ต้องการจะติดตามก็จะต้องมี Tag หากเป็น Passive RFID ก็จะเป็น Tag แบบไม่มีแบตตอรี่  ในกรณีที่เป็น Active RFID ก็จะเป็น Tag แบบมีแบตตอรี่  และก็จะมีเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี (RFID Reader) ที่คอยรับค่าจาก RFID Tag  โดยเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี  (RFID Reader) จะติดตั้งในจุดที่ต้องการจะอ่าน RFID Tag เช่นประตูเข้าออก เป็นต้น   ส่วนสุดท้ายคือส่วนซอฟท์แวร์  ซึ่งซอฟท์แวร์ของเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID) ไม่สามารถที่จะระบุตำแหน่งของ RFID Tag ได้   เพียงแค่สามารถบอกได้ว่า  ถูกอ่านด้วยเครื่องอ่าน (RFID Reader) ดังกล่าวหรือยัง  ตัวอย่างเช่น  ในกรณีที่ RFID Tag ถูกอ่านด้วยเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี (RFID Reader) ที่ห้องประชุมเวลา 9.00   ซอฟท์แวร์สามารถที่จะบอกได้ว่า  RFID Tag อยู่บริเวณห้องประชุมในเวลาดังกล่าว  หากมีการติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์เพิ่มเติม  ก็จะสามารถบอกได้ว่า  RFID Tag ดังกล่าวเข้าหรือออกห้องประชุม  แต่ไม่สามารถที่จะระบุได้ว่า  อยู่ในบริเวณไหนของห้องประชุม      

เทคโนโลยีทั้งสองต่างก็มีการนำมาใช้เพื่อติดตามวัตถุหรือบุคคลทั้งสิ้น  อย่างไรก็ตามการจะเลือกเทคโนโลยีใดนั้นขึ้นอยู่กับความสำคัญของสิ่งของที่เราทำการติดตาม  หากเราต้องการรู้ถึงตำแหน่งของวัตถุดังกล่าวในลักษณะ Real time และต้องการทราบถึงตำแหน่งของวัตถุดังกล่าว  เทคโนโลยี RTLS ก็จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม  ในทางตรงกันข้ามหากต้องการทราบถึงการเคลื่อนไหว  ว่าวัตถุดังกล่าวผ่านจุดใดมาบ้าง  โดยไม่จำเป็นต้องรู้ตำแหน่งที่แน่นอนในลักษณะ Real time เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID) ก็จะเป็นทางเลือกได้

Identify offers new UHF LED RFID Label

Locating a specific UHF tag among several others can become easy task with UHF RFID LED label. Identify offers a battery-free ultrahigh-frequency (UHF) RFID tag with an LED. The LED does not stay on, but rather lights up when a RFID reader reads the tag. This makes it easy to visually identify the specific tag. The tag is based on the ISO 18000-6C standard which can work with any UHF RFID reader.

RFID Visitor Management

CHALLENGE

There are myriads of person identification technologies which are applied in access control solution such as RFID card, face scan, finger scan or etc. However, employing these technologies for visitors can create inconvenience and may be considered as violating personal data. Realising on this limitation, Identify has developed an access control which supports various identification technologies particularly QR code. The QR code identification is designed to employ for temporary usage such visitor management in order to reduce both constraints .

SOLUTION
Within one reader, it can support multiple identification technologies including RFID card, face scan, finger scan and QR code. RFID card, face scan and finger scan are designed to employ for permanent usage such as permanent staff or resident in such premise while QR code is designed to apply for temporary one such as visitors or messenger. For business visitors will receive invitation QR code from those who create the meeting. This QR code will allow the access level for individual visitor within a specific period. When the visitor arrives the building, he just scans his QR code on the access control reader to access to the building or meeting area. He can use this QR code for a certain period. After the meeting, the QR code will be expired. The visitor does not need to return the QR code as the normal RFID card. Alternatively, the visitor can do on-site registration for the visit. After completing the on-site registration, the QR code will be generated. He can use this QR for access control purpose.

RESULTS
• Eliminate the card return process for any visitors
• Reduce the risk of violating personal data
• Reduce manual operation
• Have track record of all visitor in electronic format.


Access Control Reader (TM-AI07F)

Description  

The reader supports various identification technologies including face scan, NFC card, and QR code.  Being designed as access control reader, the reader also carries door control system and Wiegand output for additional devices such as exit switch, door lock and alarm system.

Key Technica Data

  • Dimension: 188x80x20 mm
  • Screen: 5.0 inch, HD 1280×720, Capacitive Touch Screen
  • Operating system: Linux
  • CPU: 1.2G Dual-Core ARM Cortex-A7, 600G
  • RAM: 256MB DDR3
  • ROM: eMMC Flash 4GB
  • Binocular camera: 200W Colorful WDR+200W Infrared Live Camera
  • Face Recognition Accuracy: 99.70%
  • Recognition Speed: <0.2s, support single/multi user (maximum 5 users) recognication at the same time
  • Recognition Distance: 0.5-2.5 M
  • Prevent Photo: Anti-counterfeiting, prevent recognition with photo/video
  • Computer interface: USB, TCP/IP and Wifi (Optional)
  • Power Supply: DC12V
  • Working Temperature: -15 to 45 C
  • Dark environment: LED Soft Light Automatic Fill Light (Automatic Control to Ambient Light)
  • Broadcase and ring: Support display name, voice broadcase name, builtin bell ring
  • Automatic fill light: Support infrared fill light and automatic light for face capture during the dark light  
  • QR Code Scanner: Support
Access Control Reader

Identify has installed access control solution supporting multiple identification technologies.

To avoid problem on temporary card management for visitors in any building access, Identify has successfully developped and installed an access control solution which supports mutiple identification technologies including face scan, RFID (NFC) card and QR code. Our solution includes face scan and RFID (NFC) card technologies because these technologies are widely used in most premises. However, RFID card is not suitable for temporary visitors because it increases card return process. In addition, face scan for visitor can result in the risk of personal data violation.

Our solution employs QR code on temporary usages. A QR code can be generated for any temporary usage such as visitor. We can assign the specific period for each QR code where they do not need to return QR code as RFID (NFC) card. This can reduce the card return process and the risk of violating personal data.

ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

 ประกาศความเป็นส่วนตัวของบริษัทอาร์เอไอดี จำกัด นี้ จัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่พึงจะได้รับ และวิธีการติดต่อกับบริษัทอาร์เอฟไอดี จำกัด เมื่อมีประเด็นปัญหา หรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ดังนี้

1. นิยาม

“บริษัท” หมายถึงบริษัท อาร์เอฟไอดี จำกัด
“ท่าน” หมายถึงหมายถึง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”  หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต
“ข้อมูลส่วนบุคคล”  หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
“ประมวลผล”  หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือการดัดแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผย (โดยการส่ง โอน การเผยแพร่หรือการทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใด ๆ) การจัดเรียง การนำมารวมกัน การบล็อกหรือจำกัด การลบหรือการทำลาย
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล”  หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”  หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

2. วิธี เก็บรวบรวม และรับข้อมูลส่วนบุคคล

 บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง : ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลไว้กับบริษัทโดยตรง กรณีนี้มักเกิดขึ้นเมื่อท่านติดต่อกับบริษัท เพื่อสอบถาม กรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ โดยทางออนไลน์หรือโดยเอกสาร เพื่อสมัครใช้บริการหรือร่วมกิจกรรม สอบถามข้อมูล รับการติดต่อสื่อสารทางการตลาด หรือให้ความเห็น/คำติชมแก่บริษัท เป็นต้น รวมถึงการทำสัญญาต่างๆ ในฐานะลูกค้า หรือคู่ค้า
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ : บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิคบางอย่างเกี่ยวกับอุปกรณ์ กิจกรรมและรูปแบบการเข้าชม ข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Browsing) ของท่านโดยอัตโนมัติโดยใช้คุกกี้ (Cookies) และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดู นโยบายการใช้คุกกี้

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลของเจ้าของข้อมูลได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับโดยตรงหรือโดยอัตโนมัติ อันประกอบไปด้วย

(ก) ข้อมูลแสดงตัวตน หมายถึง ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ

(ข) ข้อมูลติดต่อ เช่น ที่อยู่ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อทางโซเชียลมีเดีย

(ค) ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลการเข้าใช้งานเว็บไซต์และระบบต่าง ๆ ของบริษัท ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ข้อมูลการติดต่อและสื่อสารระหว่างท่านและผู้ใช้งานรายอื่น ข้อมูลจากการบันทึกการใช้งาน เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลข IP ของคอมพิวเตอร์ รหัสประจำตัวอุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ ข้อมูลเครือข่ายมือถือ ข้อมูลการเชื่อมต่อ ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ประเภทของเบราว์เซอร์ (Browser) ข้อมูลบันทึกการเข้าออกระบบ ข้อมูลแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ท่านเข้าถึงก่อนและหลัง (Referring Website) ข้อมูลบันทึกประวัติการใช้ระบบ ข้อมูลบันทึกการเข้าสู่ระบบ (Login Log) พฤติกรรมการใช้งาน (Customer Behavior) สถิติการเข้าระบบ เวลาที่เยี่ยมชมระบบ (Access Time) ข้อมูลที่ท่านค้นหา และข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายกัน

(ง) ข้อมูลอื่น ๆ อาทิ บันทึกภาพและ/หรือเสียงผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) ภาพถ่าย บันทึกภาพและเสียง บันทึกเสียงการสนทนา และข้อมูลแสดงแนวโน้มการซื้อสินค้าหรือบริการ

ในกรณีที่บริษัท เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ บริษัท จะดำเนินการกับข้อมูลดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้ และจะเก็บรวบรวม และใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่ท่านเคยได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัท เก็บรวมรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถแจ้งบริษัท เพื่อขอเพิกถอนความยินยอมของท่านเมื่อใดก็ได้

4.วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะทำการเก็บรวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด ดังต่อไปนี้

  • เพื่อเป็นการปฏิบัติตามสัญญา (Contract) บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เมื่อจำเป็นต่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา เช่น การให้บริการแก่ท่าน การปฏิบัติตามกระบวนการภายในของเราเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามสัญญา
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligations) บริษัทมีการประมวลผลข้อมูลโดยมีเหตุผลเพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท เช่น การป้องกันและตรวจจับความผิดปกติของธุรกรรมที่นำไปสู่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย การรายงานข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการตามที่กฎหมายกำหนด
  • เพื่อประโยชน์สาธารณะ (Public Task) ในบางกรณีอาจเป็นการจำเป็นที่บริษัทต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐให้ดำเนินการ
  • เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest)
  • เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ (Research)
  • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฏหมาย (Legitimate Interest) บริษัทมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น เพื่อการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลแก่บริษัทในเครือ เพื่อยกระดับมาตรฐานในการทำงานของบริษัท ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทรวมถึงประกาศความเป็นส่วนตัวนี้
  • เพื่อป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยง ที่อาจเกิดการกระทำผิดกฎหมาย รวมถึงการบันทึกภาพในพื้นที่ของบริษัท เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณดังกล่าว
  • เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การเสนอสิทธิประโยชน์โดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางการตลาด
  • เมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน (Consent) ตามความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เมื่อไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ หากบริษัท ขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่านสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่านอย่างชัดแจ้ง
  • เพื่อทำรายการตามที่ท่านประสงค์ โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของท่าน เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทรศัพท์ และคำร้องขอหรือความคิดเห็นที่ท่านได้ให้ไว้ เมื่อท่านลงทะเบียนผ่านหน้าเว็บไซต์ของบริษัท หรือผ่านทางช่องทางอื่นๆ อาทิ กรอกเอกสารแบบสอบถามเมื่อท่านทำกิจกรรมกับบริษัท เมื่อท่านติดต่อมายังบริษัทและแจ้งความประสงค์ให้ติดต่อกลับเพื่อให้ข้อมูลสินค้าหรือบริการ หรือเพื่อดำเนินการตามอื่นๆ ตามที่ท่านร้องขอ
  • การตลาด (Marketing) การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในด้านการตลาดและการโฆษณา เรามีกลไกการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้
    • เพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการขาย เราอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ข้อมูลทางเทคนิคและการใช้งาน (Technical And Usage Data) และ ข้อมูลความสนใจ (Profile Data) ของท่าน เพื่อวิเคราะห์และนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เหมาะสมให้กับท่าน รวมถึงเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสาร เชิญชวนเข้าร่วมงานกิจกรรม นำเสนอสิทธิประโยชน์และโปรโมชั่นต่างๆ ท่านสามารถเลือกที่จะไม่รับข้อมูลข่าวสารด้านการตลาดได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ โปรดดูรายละเอียดในหัวข้อ การยกเลิกการรับข้อมูลการตลาด (Opting Out) ด้านล่าง
    • การยกเลิกการรับข้อมูลการตลาด (Opting Out) ท่านสามารถปฏิเสธไม่รับข่าวสารจากเราได้ โดยส่งอีเมลมาที่ XXXXXXXXXX ในกรณีที่ท่านเลือกที่จะปฏิเสธไม่รับข่าวสารทางการตลาด การยกเลิก/ปฏิเสธนี้ จะไม่มีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการแก่ท่านหรือธุรกรรมอื่นใดที่ท่านมีกับบริษัท
  • เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์อื่นใดอันเป็นเหตุให้บริษัทต้องการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ข้างต้น หรือเมื่อบริษัทประสงค์ที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้ หรือเมื่อบริษัทมีความจำเป็นต้องขอความยินยอมเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะจากท่าน โดยการติดต่อท่านผ่านข้อมูลติดต่อที่ท่านได้ให้บริษัท

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

เพื่อเป็นการเพิ่มคุณภาพการบริการ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทในเครือ บริษัทไม่มีนโยบายในการขายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ข้อมูลของท่านจะถูกเก็บรักษาเป็นความลับ และเราจะไม่ทำการเปิดเผยข้อมูลของท่านเว้นแต่กรณีที่จำเป็น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งแก่ท่านตามรายละเอียดข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจากท่านไว้ก่อนหน้านี้ เราอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้กับบุคคลหรือหน่วยงานดังต่อไปนี้

  • ผู้ให้บริการภายนอก (Supplier/Outsource/Service Provider) เช่น บริษัทตัวแทน คู่ค้า ผู้รับเหมา ที่ปรึกษา สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการ Cloud Computing ซึ่งอาจมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่เราทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปนั้น สามารถเก็บรวบรวม และใช้ได้เฉพาะวัตถุประสงค์ตามที่ได้ระบุไว้ในข้อตกลงเท่านั้น
  • หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเป็นไปตามคำสั่งของหน่วยงาน

6. การเก็บรักษา และระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล  บริษัท จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามลักษณะของข้อมูลที่ได้รับ โดยข้อมูลส่วนบุคคลจากระบบงานคอมพิวเตอร์ จะถูกจัดเก็บในฐานข้อมูลกลางของบริษัทที่มีการดูแลและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Security) มีการกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล (Access Control) กรณีข้อมูลที่จัดเก็บบนคลาวด์ (Cloud) บริษัทได้ใช้บริการผู้ให้บริการระบบคลาวด์ (Cloud Provider) ที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งบริษัทมีการตรวจสอบการบริการของผู้ให้บริการระบบคลาวด์อย่างสม่ำเสมอ

สำหรับเอกสารหลักฐาน (Hard Copy) และสิ่งพิมพ์ (Printed Material) บริษัทจัดเก็บเข้าระบบบริหารจัดการเอกสาร ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลเอกสารกลางของบริษัท ที่มีการดูแลและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Security) มีการกำหนดสิทธิในการใช้ระบบ รวมถึงมีการกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล (Access Control) ในส่วนของเอกสารที่อยู่ระหว่างดำเนินการจะถูกจัดเก็บในสถานที่ปลอดภัยในสำนักงาน เช่น ตู้เก็บส่วนกลางที่มีกุญแจล็อค มีการกำหนดสิทธิในการเข้าถึงเอกสาร เป็นต้น และเอกสารที่ดำเนินการแล้วเสร็จจะถูกจัดเก็บที่โกดัง (Warehouse) ที่มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และระมัดระวังการเข้าถึงโดยผู้ไม่มีสิทธิ

ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นในการบรรลุวัตถุประสงค์ที่เรารวบรวมไว้ กรณีที่ท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเราไปแล้ว บริษัทจะทำการเก็บรักษาข้อมูลของท่านไว้ตามนโยบายการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท โดยมีระยะเวลา 10 ปี หรือตามความเหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อการตรวจสอบการให้สินค้าหรือบริการแก่ท่าน และเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว เราจะทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

7. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์

บริษัท ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการผู้เยาว์เป็นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยลักษณะการบริการของบริษัท อาจเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เป็นครั้งคราว ในกรณีดังกล่าวนั้น บริษัท จะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ ซึ่งรวมถึงการขอความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้ใช้อำนาจปกครองตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีดังนี้

  • สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right To Withdraw Consent) ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท
  • สิทธิในการได้รับแจ้งข้อมูลส่วนบุคคล (Right To Be Informed) ท่านมีสิทธิในการได้รับแจ้งถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท จะทำการประมวลผลก่อนการเก็บรวบรวมหรือในขณะเก็บรวบรวม
  • สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right Of Access) ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัท จัดทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
  • สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right To Rectification) ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือ เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
  • สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right To Erasure) ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท ทำการลบข้อมูลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
  • สิทธิในการห้ามมิให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right To Restriction Of Processing) ท่านมีสิทธิในการห้ามมิให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
  • สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (Right To Data Portability) ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือ ตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
  • สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right To Object) ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิข้างต้นทุกสิทธิ ดังนั้นเจ้าของข้อมูลสามารถร้องขอให้บริษัท ปฏิบัติตามสิทธิที่เจ้าของข้อมูลมีได้ทุกสิทธิ โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถร้องขอใช้สิทธิได้ผ่านทาง [email protected]

ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการดำเนินตามสิทธิข้างต้น อย่างไรก็ดีบริษัทจะดำเนินการตามที่เจ้าของข้อมูลร้องขอตามสิทธิหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและเหตุผลที่เจ้าของข้อมูลแจ้งมา ซึ่งเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีการร้องขอใช้สิทธิของตน บริษัทจะมีการพิจารณาอนุมัติหรือปฏิเสธคำร้องขอท่าน และแจ้งผลกลับไปภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่บริษัทได้รับเอกสารคำร้องขอใช้สิทธิครบถ้วน หากเกิน 30 วันบริษัทจะแจ้งสาเหตุของความล่าช้าในการแจ้งผลกลับให้เจ้าของข้อมูลทราบ ในกรณีที่บริษัทปฏิเสธคำร้องของท่าน บริษัทจะแจ้งผลการปฏิเสธพร้อมเหตุผลกลับไปยังช่องทางติดต่อที่ท่านกำหนดไว้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีข้อสงสัยในการปฏิเสธ เจ้าของข้อมูลสามารถสอบถามเข้ามาได้ที่ XXXXXX

9. วิธีการติดต่อ

E-mail: [email protected]

บริษัท อาร์เอฟไอดี จำกัด

ที่อยู่: 99/28 อาคารซอฟท์แวร์ปาร์ค ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด คลองเกลือ นนทบุรี 11120

10. การเปลี่ยนแปลงคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้

บริษัทอาจทำการเปลี่ยนแปลงคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ด้วยช่องทางที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม บริษัทแนะนำให้ท่านตรวจสอบทบทวนประกาศความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราว

ให้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2565

ปรับปรุงล่าสุดเดือน กรกฎาคม 2565 (Version 1.0)

New Installation On Cloud Returnable Asset Tracking Solution

Identify just installed additional RFID Gate Reader for our On Cloud Returnable Asset Tracking Solution. Our RFID Gate Reader will be able to read 60-80 RFID tags affixed on the plastic containers in one time. This can get rid of the manual operation on scanning plastic containers. Upon scanning the RFID tag, the system will calculate the poll of this asset. The user will be able to know the quantity of asset in stock, the quantity of asset in cleint site and the usage frequency for each type of container.

RFID Gate Reader