High Temperature RFID Label

Identify introduced new on metal UHF label with extreme temperature resistance. It can withstand 200 degrees C for 30 minutes. Being label format, the tag can be printed and encoded on-site using RFID enabled thermal transfer printers. This product is finished with a high performance permanent acrylic adhesive so It can be easily applied on any on-metal surface where attaching by screw is not possible.

High Temperature RFID UHF Label

ความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID Technology) และ IOT (Internet of Things)

IOT (Internet of Things) หมายถึงการที่อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อกันผ่านระบบอินเตอร์เนทได้  เหมือนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน  เช่น คอมพิวเตอร์  หรือโทรศัพท์มือถือเป็นต้น  ตลอดเวลาที่ผ่านมามีการนำเทคโนโลยี IOT ไปใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท  และมีการนำไปใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ   มีการประมาณการณ์ว่า  ปลายปี 2020 จะมีอุปกรณ์ IOT มากถึง 31,000 ล้านชิ้น  ในขณะเดียวกัน เครือข่ายอินเตอร์เนตก็มีการใช้งานแพร่พลายมากขึ้น  พร้อมทั้งอุปกรณ์ wifi ทั้งหลายก็จะมีราคาที่ถูกลง  ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยี IOT มาใช้มากขึ้น

ปัจจุบันอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ หรือคอมพิวเตอร์สามารถต่อเชื่อมเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี IOT ได้อย่างง่ายดาย  เพียงเพราะว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีแหล่งจ่ายไฟในตัว  ซึ่งอาจจะเป็นแบตเตอรรี่ในตัว  หรือแหล่งจ่ายไฟบ้านตามปกติ   ทันทีที่มีการจ่ายไฟให้แก่อุปกรณ์เหล่านี้  อุปกรณ์เหล่านี้สามารถที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เนทได้  ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สาย  หรือการเชื่อมต่อผ่านสายเคเบิ้ล  และสามารถเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้าง IOT ได้อย่างง่ายดาย

จากที่กล่าวข้างต้น  IOT หมายถึงการทำให้อุปกรณ์ทุกอย่างสามารถที่จะเชื่อมต่อกันผ่านระบบอินเตอร์เนทได้   ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่มีแหล่งจ่ายไฟในตัว  เช่น เฟอร์นิเจอร์  ขวดน้ำ หนังสือ  เสื้อผ้า หรือยา เป็นต้น  เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID Technology) มีบทบาทอย่างยิ่งที่จะทำให้อุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบ IOT  ตัวอย่างเช่น  การทำให้ตู้เก็บยาสามารถแจ้งเตือนผ่านบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ด้วยตัวเองว่า  มียาใดบ้างในตู้ที่ใกล้หมดอายุ  เป็นต้น  

วัตถุประสงค์หลักของเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID Technology) คือ  การระบุตัวตนของสิ่งต่าง ๆ  เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID Technology)  ประกอบด้วย อาร์เอฟไอดีแท๊ก (RFID Tag)  เครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี (RFID Reader)  และระบบซอฟท์แวร์  เพียงแค่นำอาร์เอฟไอดีแท๊ก (RFID Tag)  ติดบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เมื่ออุปกรณ์เหล่านี้ถูกอ่านด้วยเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี  เครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีสามารถเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เนต  และสามารถกำหนดหมายเลข IP ให้แก่ระบบได้   ดังนั้นเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีก็สามารถส่งข้อมูลจากอาร์เอฟไอดีแท๊ก (RFID Tag) เชื่อมต่ออุปกรณ์อื่น ๆ เข้ากับระบบอินเตอร์เนต   ตัวอย่างเช่นตู้ยาอัจฉริยะที่กล่าวมาข้างต้น  ในกรณีที่ฉลากยาที่เก็บในตู้มีการติดอาร์เอฟไอดีแท๊ก (RFID Tag)  เครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี (RFID Reader) ในตู้ยาสามารถที่อ่านฉลากยาเหล่านั้นได้  และระบบซอฟท์แวร์ก็จะส่วนประมวลผลว่า ยาใดหมดอายุ เป็นต้น 

ด้วยจุดเด่นของระบบอ่านอาร์เอฟไอดี (RFID Technology) ที่สามารถตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ในรูปแบบ real time  และทำงานอัตโนมัติ  โดยไม่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ในการเก็บข้อมูล  ทำให้เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (RFID Technology) มีบทบาทสำคัญในระบบ IOT